(ครูว์ 13 มิถุนายน 2565) เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส ตอกย้ำความเป็นผู้ผลิตอัครยนตรกรรมที่เน้นประสบการณ์การขับขี่ด้วยการเปิดตัว New Flying Spur S เผยมิติด้านสมรรถนะที่เพิ่มขึ้น รูปลักษณ์ความสปอร์ตที่โดดเด่น และ สัมผัสแห่งเสียงจากเครื่องยนต์อันทรงพลังเพื่อยกระดับสุดยอดอัครยนตรกรรมสปอร์ตซีดาน และถือเป็นการนำตราสัญลักษณ์ ‘S’ อันเก่าแก่ของเบนท์ลีย์มาตกแต่งบนอัครยนตรกรรมแบบไฮบริดเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นอีกก้าวหนึ่งบนกลยุทธ์ ‘Beyond100’ วิสัยทัศน์ของเบนท์ลีย์ที่ว่าด้วยเส้นทางสู่ความยั่งยืนในอนาคต
Bentley Flying Spur ได้รับการยอมรับมาอย่างยาวนานในด้านสมรรถนะในการขับขี่ที่ไม่ลดทอนความสะดวกสบายของผู้โดยสาร เช่นเดียวกับอัครยนตรกรรมสปอร์ตคูเป้ Continental GT S และ แบบเปิดประทุน Continental GTC S โดย Bentley Flying Spur S รุ่นใหม่ได้เน้นประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจด้วยขุมพลังจากเครื่องยนต์รุ่น V8 ขนาด 4 ลิตร และ เครื่องยนต์รุ่น V6 แบบไฮบริด ขนาด 2.9 ลิตร
โดยลูกค้าของเบนท์ลีย์จะมีทางเลือกที่ชัดเจนระหว่างรุ่น Flying Spur Azure ที่เน้นความสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร หรือ รุ่น New Flying Spur S ที่เน้นภาพลักษณ์และสัมผัสแห่งความสปอร์ต พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจยิ่งขึ้น
2 ทางเลือกสู่ความประทับใจในการขับขี่
Flying Spur S มอบ 2 ทางเลือกของระบบเครื่องยนต์ โดยแต่ละระบบจะมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สปอร์ตและน่าประทับใจผ่านแนวทางด้านวิศวกรรม แต่ยังคงไว้ซึ่งสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้น ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของเบนท์ลีย์
Flying Spur S รุ่น V8 ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์แบบ V8 ขนาด 4.0 ลิตรขั้นสูงของเบนท์ลีย์ มอบพละกำลัง กว่า 542 แรงม้า และ แรงบิดกว่า 770 นิวตันเมตร โดยสามารถทำอัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร ต่อ ชั่วโมง ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 4.3 วินาที มาพร้อมกับเทคโนโลยี Bentley Dynamic Ride ที่สามารถใช้แรงบิดต้านการโคลงตัวของรถได้ถึง 1,300 นิวตันเมตรในเวลาเพียง 0.3 วินาที เพื่อการขับขี่ที่นุ่มนวลและการเข้าโค้งที่มั่นใจยิ่งขึ้น และเทคโนโลยีบังคับเลี้ยว 4 ล้อแบบอิเล็กทรอนิกส์เป็นระบบมาตรฐาน โดยระหว่างการขับขี่ด้วยความเร็วต่ำ ระบบจะหมุนล้อหลังไปในทิศทางตรงกันข้ามกับด้านหน้าสูงสุด 4.2 องศา เพื่อลดวงเลี้ยวและเพิ่มความคล่องตัว แต่เมื่อความเร็วสูงขึ้น ล้อหลังจะหมุนไปในทิศทางเดียวกันกับล้อหน้าเพื่อเพิ่มความมั่นคงในระหว่างการเปลี่ยนเลนหรือแซง
สำหรับการใช้ชีวิตในเมืองและการมุ่งเน้นด้านการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม Flying Spur S ยังมีระบบเครื่องยนต์แบบไฮบริด ซึ่งรวมเครื่องยนต์เบนซินรุ่น V6 ขนาด 2.9 ลิตรกับมอเตอร์ไฟฟ้าขั้นสูง มอบพละกำลังทั้งหมด 536 แรงม้า และแรงบิดกว่า 750 นิวตันเมตร โดยสามารถทำอัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร ต่อ ชั่วโมง ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 4.3 วินาที และสามารถขับขี่ได้กว่า 41 กิโลเมตรสำหรับการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ด้วยอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ต่ำที่สุดในปัจจุบันเพียง 75 กรัม ต่อ กิโลเมตร (WLTP) Flying Spur S Hybrid จึงเป็นอัครยนตรกรรมเบนท์ลีย์ที่มีประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงานที่สุดเท่าที่เคยมีมา
ลูกค้าที่ชื่นชอบการทดสอบสมรรถนะของอัครยนตรกรรมเบนท์ลีย์ยังประทับใจกับเสียงของเครื่องยนต์ที่เน้นสมรรถนะ โดย Flying Spur S ที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์รุ่น V8 นำเสนอเสียงผ่านท่อไอเสียแบบสปอร์ตที่ออกแบบใหม่ ในขณะที่ Flying Spur Hybrid S ในโหมด Sport มีการปรับปรุงเสียงในช่องเครื่องยนต์ให้ตรงกับภาพลักษณ์ความสปอร์ตยิ่งขึ้น แต่ยังคงไว้ซึ่งความเงียบสงบภายในห้องโดยสารด้านหลัง
การออกแบบภายนอกที่ดุดันแต่เรียบง่าย
ชุดแต่งเฉดสีดำของรุ่น Flying Spur S ให้ภาพลักษณ์ที่ดูแข็งแกร่งแต่เรียบง่ายด้วยกระจังหน้าและกันชนล่างสีดำ-เงา ไฟหน้าและไฟท้ายสีเข้ม ปลายท่อไอเสียสีดำทรงสี่เหลี่ยม ตราสัญลักษณ์ ‘S’ ที่บังโคลนหน้า และตราสัญลักษณ์เบนท์ลีย์และตัวอักษรบนฝากระโปรงหลังอันโดดเด่นด้วยพื้นผิวโครเมียมโทนสว่าง
Flying Spur S ตกแต่งด้วยล้ออัลลอยด์แบบใหม่ขนาด 22 นิ้ว ออกแบบซี่ล้อเป็นรูปตัวอักษร ‘Y’ 5 ซี่ในเฉดสีดำเคลือบเงา หรือ เฉดสีเทา Pale Brodgar Satin และ ตัวเลือกล้ออัลลอยด์ 3 ก้านแบบใหม่ขนาด 21 นิ้วที่เข้ากับเฉดสีดำ-เงา พร้อมคาลิปเปอร์เบรกสีแดงขนาดมาตรฐาน เน้นย้ำถึงเอกลักษณ์เฉพาะตัวของรุ่น ‘S’ ได้เป็นอย่างดี
มุมมองและสัมผัสแห่งการออกแบบภายใน
สำหรับการตกแต่งภายในของ Flying Spur S ลูกค้าสามารถปลดปล่อยจินตนาการให้โลดแล่นด้วยตัวเลือกการแบ่งเฉดสีและลวดลายแบบทูโทน เฉดสีแดง-ดำที่เน้นความสปอร์ต พร้อมหนังที่เรียบลื่น และผ้ากำมะหยี่ Dinamica โดยใช้สำหรับการตกแต่งพวงมาลัยแบบปรับอุณหภูมิได้ คันเกียร์ เบาะรองนั่ง พนักพิงเบาะโดยสาร แผ่นรองประตู แผงหน้าปัด และรอบคอนโซล
สัมผัสแห่งความสปอร์ตถูกนิยามผ่านเบาะโดยสารดีไซน์ S และ การปักตราสัญลักษณ์รูปตัว ‘S’ ที่พนักพิงศีรษะของเบาะโดยสาร มาตรวัดของผู้ขับขี่ได้รับแรงบันดาลใจจากกีฬามอเตอร์สปอร์ต พร้อมด้วยกราฟิกแบบเดียวกับ Continental GT Speed เติมเต็มความสมบูรณ์แบบด้วยการตกแต่งด้วยตราสัญลักษณ์รูปตัว ‘S’ แบบโลหะบริเวณช่องแอร์ และกาบประตูแบบเรืองแสงรูปตัว ‘S’ แทนที่ ‘Bentley Motors Ltd’
การเฉลิมฉลอง ณ Goodwood
อัครยนตรกรรมรุ่น S ใหม่ได้เปิดตัว ณ งาน Goodwood Festival of Speed เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 23 มิถุนายน ถึง วันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมา Flying Spur S, GT S และ GTC S ได้จัดแสดงต้อนรับผู้เข้าชมตลอดทั้งงาน และร่วมคาราวานโดยอัครยนตรกรรมเบนท์ลีย์จากทั้งในอดีตและปัจจุบัน รวมถึงรถแข่งที่โดดเด่นและขบวนรถยนต์รุ่นต่างๆ เพื่อเฉลิมฉลอง 40 ปีของอัครยนตรกรรมเบนท์ลีย์รุ่นเทอร์โบชาร์จ
เอเอเอสฯ มอบข้อเสนอที่ดีที่สุดในการครอบครอง Bentley Flying Spur S Hybrid ราคาเริ่มต้น 16 ล้านบาท พร้อมการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริดนาน 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) การรับประกันจากโรงงานผู้ผลิตฯ พร้อมตัวเลือกสำหรับแผนต่อระยะเวลาการรับประกันจากโรงงานผู้ผลิต (Bentley Extended Warranty) สูงสุด 4 ปี และผู้ช่วยฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง นาน 3 ปีเต็ม
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด โทร. 080-925-9999 หรือ 02-261-1050 LINE Official Account: @bentleybangkokaas คลิก https://lin.ee/4JOaZyE8V
เกี่ยวกับเบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด
เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ให้ความสำคัญสูงสุดกับการดูแลหลังการขายให้กับลูกค้าเบนท์ลีย์ทุกท่านและรถยนต์เบนท์ลีย์ทุกคัน ด้วยทีมวิศวกรที่มีความชำนาญและประสบการณ์สูงนานกว่า 35 ปี โดย เอเอเอสฯ ได้จัดสรรงบประมาณจำนวนมากเพื่อจัดส่งวิศวกรไปฝึกอบรมที่โรงงานเบนท์ลีย์ มอเตอร์ส ประเทศอังกฤษ ทุกปี ทั้งนี้เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับเจ้าของรถยนต์เบนท์ลีย์ทุกท่านตามนโยบายหลักของบริษัทที่ว่า “เอเอเอสฯ ดูแลทั้งรถและคุณ (AAS Looking After YOU And Your CAR)” และให้ชื่อ AAS เป็น “The Name You Can Trust” มานานกว่า 35 ปี