(สิงคโปร์ 9 พฤษภาคม 2567) เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ประกาศยุติการรับคำสั่งจองรุ่น Continental GT V8, Continental GTC V8 และ Flying Spur V8 ในเจเนอเรชันปัจจุบัน โดยภูมิภาคแรกที่จะได้รับมอบโมเดลเครื่องยนต์รุ่น V8 เจเนอเรชันปัจจุบันหลังจากเสร็จสิ้นสายการผลิตสุดท้าย คือ สหราชอาณาจักร ยุโรป และตะวันออกกลาง แอฟริกา อินเดีย ตามมาด้วยเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไต้หวัน ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์
เครื่องยนต์รุ่น V8 จะยังคงมีติดตั้งในรุ่น Bentayga ซึ่งการสิ้นสุดการรับคำสั่งจองสำหรับรุ่น Continental GT และ Flying Spur เครื่องยนต์รุ่น V8 ถือเป็นก้าวสำคัญของกลยุทธ์ Beyond100 ที่ได้ปูทางให้อัครยนตรกรรมทุกรุ่นมาพร้อมกับขุมพลังเครื่องยนต์แบบไฮบริดภายในปีนี้อย่างที่มีการเปิดตัวในรุ่น Bentayga Hybrid และ Flying Spur Hybrid ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก
เครื่องยนต์แบบสันดาปภายในรุ่น V8 มีบทบาทอย่างมากในการเป็นหัวใจสำคัญของอัครยนตรกรรมหลายรุ่นตลอดระยะเวลา 75 ปีที่ผ่านมา เครื่องยนต์แบบ L-Series V8 ตัวแรกได้เปิดตัวในรถยนต์เบนท์ลีย์คลาสสิกรุ่น S2 ในปี 2499 กับพละกำลัง 180 แรงม้า ซึ่งเครื่องยนต์รุ่น V8 เจเนอเรชันปัจจุบันสามารถผลิตพละกำลังได้มากกว่าถึง 3 เท่าตัวด้วยความจุสองในสามของกระบอกสูบ
นับตั้งแต่เปิดตัวเครื่องยนต์รุ่น V8 ขนาด 4.0 ลิตรในปี 2555 เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส ได้มีการผลิตรุ่น Continental GT, GTC และ Flying Spur กับขุมพลังเครื่องยนต์รุ่น V8 มามากกว่า 53,000 คัน ซึ่งอัครยนตรกรรมทั้งหมดได้ถูกรังสรรค์ขึ้นด้วยช่างฝีมือ ณ โรงงาน เมืองครูว์ ประเทศอังกฤษ
Continental GT/GTC V8 และ Flying Spur V8 สายการผลิตสุดท้ายมีให้ครอบครองเฉพาะในออสเตรเลีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน และเวียดนาม ซึ่งการผลิตจะแล้วเสร็จและจะมีการส่งมอบขั้นสุดท้ายในเดือนมิถุนายนนี้
ขุมพลังเครื่องยนต์ V8
เครื่องยนต์รุ่น V8 มาพร้อมกับพละกำลังและแรงบิดที่เหนือชั้นควบคู่ไปกับเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเครื่องยนต์ด้วยช่วงระหว่างการหยุดจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงที่มากขึ้นและอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องยนต์รุ่น W12 แนวคิดการออกแบบเครื่องยนต์รุ่น V8 ช่วยให้มั่นใจว่าเครื่องยนต์จะมีแรงบิดที่สูงขึ้น ในขณะที่ยังคงมีอัตราการปล่อยไอเสียที่ต่ำ พร้อมกับประสิทธิภาพที่ดีเยี่ยม ขุมพลังเครื่องยนต์รุ่น V8 สามารถผลิตพละกำลังสูงสุดที่ 550 แรงม้า โดยมีแรงบิดสูงสุด 770 นิวตันเมตรที่ 2,000 รอบต่อนาที และความเร็วสูงสุดที่ 4,500 รอบต่อนาที สำหรับเครื่องยนต์ทรงสี่เหลี่ยมที่มีความยาวช่วงชักเท่ากับกระบอกสูบขนาด 86 มิลลิเมตร จะมอบความสมดุลระหว่างพละกำลังและแรงบิด และด้วยเทอร์โบชาร์จเจอร์แบบ Twin-scroll เครื่องยนต์รุ่น V8 จึงสามารถส่งมอบพละกำลังได้มากกว่า 135 แรงม้าต่อลิตร
เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด พร้อมส่งมอบรถยนต์เบนท์ลีย์ รุ่น Bentayga Hybrid และ Flying Spur Hybrid ทันทีกับสต๊อกเฉดสีและออปชันที่ครบครันและครอบคลุมทุกความต้องการกับราคาที่ดีที่สุด เริ่มต้นที่ 13.7 ล้านบาท พร้อมรับข้อเสนอพิเศษ ‘Crafting Your Dream Offers’ ที่ผู้สนใจครอบครองรถยนต์เบนท์ลีย์สามารถออกแบบแผนการเงินเองได้และทำให้การตัดสินใจเป็นเจ้าของรถยนต์เบนท์ลีย์เป็นเรื่องง่าย และเหนือกว่าด้วยเอกสิทธิ์การบริการหลังการขายมาตรฐานโรงงานผู้ผลิตด้วยการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริดที่ ‘นานที่สุด’ ถึง 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) การรับประกันโดยโรงงานผู้ผลิตและสิทธิ์การต่อการรับประกัน (Bentley Extended Warranty) สูงสุด 4 ปี และบริการผู้ช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง (24-hour Bentley Roadside Assistance) นาน 3 ปีเต็ม
ผู้สนใจครอบครองรถยนต์เบนท์ลีย์สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย โทร. 080-925-9999 หรือ 02-261-1050 LINE Official Account: @bentleybangkokaas คลิก https://lin.ee/4JOaZyE8V
เกี่ยวกับ เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด
เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ให้ความสำคัญสูงสุดกับการดูแลหลังการขายให้กับลูกค้าเบนท์ลีย์ทุกท่านและรถยนต์เบนท์ลีย์ทุกคันด้วยประสบการณ์อันยาวนานกว่า 37 ปี พร้อมด้วยอุปกรณ์และเครื่องมือตรวจสอบและวิเคราะห์สำหรับรถยนต์เบนท์ลีย์โดยเฉพาะนำเข้าจากโรงงาน การรับประกันอะไหล่แท้ และบุคลากรที่ผ่านการอบรมอย่างเข้มข้น โดยมี Qualified High Voltage Technician หนึ่งเดียวในประเทศไทยเป็นผู้รับรองงานซ่อมและงานบำรุงรักษารถยนต์ไฮบริดตามมาตรฐานโรงงาน ทั้งนี้เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับเจ้าของรถยนต์เบนท์ลีย์ทุกท่านตามนโยบายหลักของบริษัทที่ว่า “เอเอเอสฯ ดูแลทั้งรถและคุณ (AAS Looking After YOU And Your CAR)” และให้ชื่อ AAS เป็น “The Name You Can Trust”