Close

AAS Auto Service Co., Ltd.

Porsche | Bentley | Autoglym | Ulgo | Fenix

Search
Close this search box.

เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส ฉลอง 40 ปี อัครยนตรกรรมเบนท์ลีย์ เทอร์โบ ณ งาน GOODWOOD

(ครูว์ 23 มิถุนายน 2565) เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เฉลิมฉลองครบรอบ 4 ทศวรรษแห่งการผลิตอัครยนตรกรรมแกรนด์ทัวเรอร์ รุ่นเทอร์โบชาร์จด้วยขบวนอัครยนตรกรรมเบนท์ลีย์กว่า 10 คัน ณ งาน Goodwood Festival of Speed โดยเมื่อ 40 ปีที่แล้ว เบนท์ลีย์ มอเตอร์สได้เปิดตัวอัครยนตรกรรม รุ่นเทอร์โบชาร์จ Mulsanne Turbo เป็นครั้งแรก ณ งาน เจนีวามอเตอร์โชว์ โดยอัครยนตรกรรมสี่ประตูรุ่นนี้ได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนของบริษัทฯ ด้วยสมรรถนะในการขับขี่ที่ดีเยี่ยม

ในช่วง 40 ปี นับตั้งแต่อัครยนตรกรรมเบนท์ลีย์รุ่นเทอร์โบชาร์จได้ถือกำเนิดขึ้นครั้งแรก พละกำลังและแรงบิดมหาศาลซึ่งเป็นคุณสมบัติเฉพาะของเครื่องยนต์จากเบนท์ลีย์ได้วิวัฒนาการเป็นเครื่องยนต์แบบเทอร์โบชาร์จ โดยเครื่องยนต์ W12, V8 และ V6 ในปัจจุบันล้วนได้รับประโยชน์จากการพัฒนาเครื่องยนต์แบบเทอร์โบชาร์จเพื่อการส่งมอบสมรรถนะและประสิทธิภาพในการขับขี่

เบนท์ลีย์ มอเตอร์สจะจัดแสดงอัครยนตรกรรม รุ่นเทอร์โบชาร์จ 7 รุ่นจากคอลเลกชั่นอัครยนตรกรรมคลาสสิก ณ งาน Goodwood Festival of Speed ควบคู่ไปกับอัครยนตรกรรมรุ่นปัจจุบัน อาทิ Continental GT Mulliner ที่มาพร้อมพละกำลังกว่า 650 แรงม้า และ โมเดลรุ่น S รุ่นล่าสุดกับพละกำลัง 542 แรงม้า จากเครื่องยนต์รุ่น V8 ขนาด 4.0 ลิตร

แรงบันดาลใจผ่านข้อเสนอ

ในช่วงปี 2513 ยอดขายของเบนท์ลีย์มีแนวโน้มลดลง โดยลูกค้าในตลาดสำคัญอย่าง สหรัฐอเมริกาไม่รู้ถึงความเป็นมาของแบรนด์ แต่กับประธานบริษัท David Plastow ได้เสนอความร่วมมือกับหัวหน้าวิศวกร John Hollings ด้วยการบอกกับเขาว่า “Let’s have some fun” โดยเสนอให้มีการเปิดตัวอัครยนตรกรรมเบนท์ลีย์ รุ่นเทอร์โบชาร์จ เครื่องยนต์ V8 ขนาด 6.75 ลิตรซึ่งเป็นระบบส่งกำลังระบบเดียวของเบนท์ลีย์มาตั้งแต่ปี 2502

ขบวนอัครยนตรกรรมเบนท์ลีย์

10 อัครยนตรกรรมเบนท์ลีย์ที่เข้าร่วมขบวนเฉลิมฉลอง ณ Goodwood มีดังนี้:

•         2534 Turbo R

•         2544 Arnage Red Label

•         2546 Continental R Mulliner Final Series

•         2553 Brooklands

•         2553 Mulsanne

•         2554 Continental Supersports

•         2557 Continental GT V8 S

•         2565 Continental GTC S

•         2565 Flying Spur S

•         2565 Continental GT Mulliner

The Turbo R ผู้พลิกประวัติศาสตร์หน้าใหม่

Turbo R คือความสำเร็จด้านยอดขายครั้งสำคัญของเบนท์ลีย์ มอเตอร์ส ผู้รอคอยกว่า 9 เดือนพิสูจน์ให้เห็นว่าเบนท์ลีย์กำลังเข้าสู่ยุคฟื้นฟูในฐานะแบรนด์แห่งอัครยนตรกรรมสมรรถนะสูง โดย Turbo R กว่า 4,111 คันถูกผลิตขึ้นในช่วงระยะเวลา 9 ปี

ณ งาน Goodwood Festival of Speed เบนท์ลีย์ มอเตอร์สได้จัดแสดง Turbo R รุ่นปี 2534 ในเฉดสีเขียว Brooklands Green พร้อมเส้นสายตัวถังในเฉดสีเหลือง

The Continental R กำเนิดแห่งอัครยนตรกรรมแกรนด์ ทัวเรอร์

ด้วยความเร็วสูงสุดกว่า 150 ไมล์ต่อชั่วโมง Continental R ซึ่งเปิดตัวที่เจนีวาในปี 2534 ถือเป็นอัครยนตรกรรมแกรนด์ทัวเรอร์ที่มีสมรรถนะสูงอย่างแท้จริง และเป็นอัครยนตรกรรมเบนท์ลีย์คันแรกที่มีการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวตั้งแต่ปี 2495 เครื่องยนต์รุ่น V8 เทอร์โบชาร์จขนาด 6.75 ลิตร ผลิตพละกำลังกว่า 355 แรงม้า ทำความเร็ว 0-62 ไมล์ต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 6.6 วินาที แม้ตัวถังจะมีน้ำหนักกว่า รุ่น Turbo R แต่รูปทรงที่โฉบเฉี่ยวและแอร์โรไดนามิคสามารถทำความเร็วได้สูงสุดขึ้นกว่า 9 ไมล์ต่อชั่วโมงที่ความเร็วสูงสุด 152 ไมล์ต่อชั่วโมง

สำหรับ Continental R Final Series ในเฉดสีเงิน Silver Pearl พร้อมการตกแต่งภายในด้วยหนังสีดำ คือ คอลเลคชั่นอัครยนตกรรมคลาสสิกของเบนท์ลีย์รุ่นสุดท้าย

การกลับมาอีกครั้งของ Arnage Red Label V8

Arnage เปิดตัวครั้งแรกในปี 2541 มาพร้อมเครื่องยนต์รุ่น BMW V8 ขนาด 4.4 ลิตร แต่จากข้อเรียกร้องของเจ้าของรถยนต์เบนท์ลีย์ทั่วโลกและการเข้ามามีบทบาทของ Ferdinand Piëch ประธานกลุ่ม VW Group ทำให้คณะผู้บริหารต้องพิจารณาใหม่ และไม่นานหลังจากที่บริษัทฯกลายเป็นส่วนหนึ่งของ VW Group เบนท์ลีย์ มอเตอร์สได้ประกาศเปิดตัว ‘Red Label’ Arnage กับ Jack Phillips ด้วยเครื่องยนต์ V8 ความจุ 6.75 ลิตร

Brooklands ความงดงามที่อยู่เหนือกาลเวลา

ความงดงามของอัครยนตรกรรมเบนท์ลีย์เครื่องยนต์ V8 ขนาด 6.75 ลิตร และ ความต้องการที่มีมากขึ้นสำหรับงานฝีมือชั้นสูง เป็นแรงบันดาลใจให้เบนท์ลีย์นำเสนออัครยนตรกรรมคูเป้รุ่น ลิมิเต็ด เอดิชั่นด้วยการใช้ตัวถังเดียวกับรุ่น Arnage พร้อมด้วยเครื่องยนต์รุ่น V8 เทอร์โบคู่ ขนาด 6.75 ลิตร ผลิตพละกำลังกว่า 530 แรงม้า ด้วยแรงบิด 1,050 นิวตันเมตร โดยสามารถทำความเร็วสูงสุดที่ 183 ไมล์ต่อชั่วโมง (296 กม./ชม.) และมีอัตราเร่ง 0-62 ไมล์ต่อชั่วโมงในระยะเวลาเพียง 5.3 วินาที ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจสำหรับรถยนต์หรูที่หนักกว่า 2.7 ตัน อัครยนตรกรรมรุ่น Brooklands จากคอลเลคชั่นอัครยนตรกรรมคลาสสิกของเบนท์ลีย์คันสุดท้าย ออกจากสายการผลิตในเดือนมกราคม 2553 มาพร้อมตัวถังเฉดสีเทา Anthracite Grey

The Mulsanne อัครยนตรกรรมลีมูซีน

Mulsanne ปี 2553 จาก คอลเลคชั่นอัครยนตรกรรมคลาสสิกของเบนท์ลีย์ มาพร้อมกับขุมพละ 505 แรงม้า และแรงบิดกว่า 1,020 นิวตันเมตร ทำให้ Mulsanne ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 184 ไมล์ต่อชั่วโมง และ 0-62 ไมล์ต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 5.1 วินาที

โมเดลในคอลเลคชั่นอัครยนตรกรรมคลาสสิกของเบนท์ลีย์ถือเป็นรุ่นที่สองที่ผลิตขึ้นกับเลขตัวถัง 000002 ตกแต่งด้วยเฉดสีน้ำเงินภายนอก Imperial Blue และการตกแต่งภายในด้วยแผ่นไม้วีเนียร์แบบ Burr Walnut

2554 ยุคแห่งเครื่องยนต์ W12

Continental GT ซึ่งเปิดตัวในปี 2546 ถือเป็นอัครยนตรกรรมสปอร์ตคูเป้รุ่นใหม่ล่าสุดคันแรกนับตั้งแต่รุ่น 3 ลิตรในปี 2462 โดยไม่มีส่วนประกอบที่ยกมาจากรุ่นก่อน Continental GT ใหม่ใช้เครื่องยนต์ W12 ทวินเทอร์โบชาร์จ 48 วาล์ว ขนาด 6.0 ผลิตพละกำลังกว่า 552 แรงม้า ด้วยแรงบิด 650 นิวตันเมตร เครื่องยนต์รุ่น W12 จึงกลายเป็นขุมพลังหลักของเบนท์ลีย์จนถึงปัจจุบัน โดยมีวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องในแต่ละรุ่นเพื่อปรับปรุงพละกำลัง ประหยัดเชื้อเพลิง และลดการปล่อยมลพิษ สำหรับ Continental GT Supersports รุ่นแรกซึ่งเปิดตัวในปี 2552 ได้กลายเป็นอัครยนตรกรรมสปอร์ตคูเป้รุ่นแรกที่สามารถใช้น้ำมันเบนซินและไบโอเอธานอลผสมกันได้โดยไม่ลดทอนพละกำลัง ระบบการจัดการเครื่องยนต์ที่ปรับปรุงใหม่และการจัดการกระแสลมที่ได้รับการปรับปรุงเพิ่มกำลังขับเป็น 621 แรงม้า โดยเมื่อรวมกับระบบเกียร์ Quickshift ใหม่จะมอบความเร็ว 0-62 mph ในเวลาเพียง 3.7 วินาที Continental GT Supersports รุ่นนี้ ถือเป็นรุ่นสุดท้ายที่มีการผลิตขึ้น

ประสิทธิภาพที่เหนือกว่าของเครื่องยนต์ V8

เครื่องยนต์รุ่น V8 ใหม่พัฒนามากว่า 50 ปี เปิดตัวครั้งแรกในปี 2555 กับ Continental GT V8 เครื่องยนต์ V8 ขนาด 4.0 ลิตรใช้เทคโนโลยีการปิดการทำงานของกระบอกสูบ การติดตั้งเทอร์โบ การคืนกำลังผ่านเครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ และการจัดการเครื่องยนต์ด้วยไมโครโปรเซสเซอร์ TriCore™ แบบ 32 บิต เมื่อรวมกับเกียร์อัตโนมัติแบบ 8 สปีดแล้ว เครื่องยนต์รุ่น V8 ใหม่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงขึ้น 40% เมื่อเทียบกับ W12 ขนาด 6.0 ลิตร ให้กำลังกว่า 500 แรงม้าและแรงบิด 660 นิวตันเมตร โดยไฮไลท์ของ Continental GT รุ่นที่สองคือ Continental GT V8 S ซึ่งมอบพละกำลังกว่า 521 แรงม้า และ แรงบิด 680 นิวตันเมตร จัดแสดงในงาน Goodwood ด้วยเฉดสีฟ้า Jetstream

กระตุ้นความเร้าใจในการขับขี่ไปกับ Continental GT S

สำหรับงาน Festival of Speed ในปีนี้ อัครยนตรกรรมรุ่น S ใหม่ของเบนท์ลีย์อย่าง Continental GT S, Continental GTC S และ Flying Spur S พร้อมเปิดตัวทั่วโลก โดยทุกรุ่นใช้เครื่องยนต์รุ่น V8 ขนาด 4.0 ลิตรล่าสุดเพื่อเน้นสมรรถนะการขับขี่และรูปลักษณ์ภายนอกอันโฉบเฉี่ยว

40 ปี แห่ง อัครยนตรกรรมรุ่นเทอร์โบชาร์จ

ทุกวันนี้เทคโนโลยีเทอร์โบชาร์จได้ถูกนำไปใช้อย่างกว้างขวางตั้งแต่รถยนต์ในเมืองไปจนถึงซุปเปอร์คาร์ โดยเบนท์ลีย์ได้นำเทคโนโลยีนี้มาใช้ตั้งแต่ปี 2525 และได้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ตามคำกล่าวของนักประวัติศาสตร์ด้านยานยนต์ Eric Dymock ที่ว่าการตัดสินใจครั้งนี้ ‘ได้ดึงจิตวิญญาณของเบนท์ลีย์กลับคืนมา’ สัมผัสจิตวิญญาณนี้กับเครื่องยนต์รุ่น W12, V8 และ V6 แบบไฮบริดกับอัครยนตรกรรมเบนท์ลีย์ได้แล้ววันนี้

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด โทร. 080-925-9999 หรือ 02-261-1050 LINE Official Account: @bentleybangkokaas คลิก https://lin.ee/4JOaZyE8V

เกี่ยวกับเบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด
เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ให้ความสำคัญสูงสุดกับการดูแลหลังการขายให้กับลูกค้าเบนท์ลีย์ทุกท่านและรถยนต์เบนท์ลีย์ทุกคัน ด้วยทีมวิศวกรที่มีความชำนาญและประสบการณ์สูงนานกว่า 35 ปี โดย เอเอเอสฯ ได้จัดสรรงบประมาณจำนวนมากเพื่อจัดส่งวิศวกรไปฝึกอบรมที่โรงงานเบนท์ลีย์ มอเตอร์ส ประเทศอังกฤษ ทุกปี ทั้งนี้เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับเจ้าของรถยนต์เบนท์ลีย์ทุกท่านตามนโยบายหลักของบริษัทที่ว่า “เอเอเอสฯ ดูแลทั้งรถและคุณ (AAS Looking After YOU And Your CAR)” และให้ชื่อ AAS เป็น “The Name You Can Trust” มานานกว่า 35 ปี

Picture of AAS Bentley Marketing

AAS Bentley Marketing

Sent Successfully!

Thank you.

We will contact you shortly!