(ครูว์ 18 เมษายน 2566) เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เฉลิมฉลองครบรอบ 20 ปี Continental GT ด้วยการจัดแสดงอัครยนตรกรรมสปอร์ตคูเป้และกิจกรรมทดลองขับเป็นเวลา 4 เดือน โดยได้เริ่มที่งาน เซี่ยงไฮ้ ออโต้ โชว์ ณ นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน พร้อมกับการเปิดตัว Continental GTS รุ่นพิเศษ หนึ่งเดียวในโลกที่มาพร้อมกับการตกแต่งแบบสปอร์ตที่มีเอกลักษณ์ในแบบเฉพาะตัวด้วยการรังสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษโดยเบนท์ลีย์ มูลินเนอร์ ผนวกกับความโดดเด่นด้วยคุณลักษณะพิเศษมากมาย อาทิ ตราสัญลักษณ์ฉลองครบรอบ และการออกแบบลวดลายที่สื่อถึง 20 ปีแห่งอัครยนตรกรรมสปอร์ตคูเป้ที่ได้นิยามยุคใหม่ของเบนท์ลีย์ มอเตอร์ส
การตกแต่งภายนอกของ Continental GTS รุ่นพิเศษ รังสรรค์ขึ้นในเฉดสีเทาเข้มเมทัลลิกที่ดูดุดันและโดดเด่น เสริมด้วยโครเมียมเฉดสีดำและล้ออัลลอยด์แบบสปอร์ต 10 ก้านเฉดสีดำขนาด 22 นิ้ว เติมเต็มความสปอร์ตด้วยคาลิเปอร์เบรกสีแดง สำหรับการตกแต่งภายในมีการใช้ธีมเฉดสีดำและแดง พร้อมการตกแต่งแบบดูโอโทนด้วยหนังเฉดสีดำ Beluga และเฉดสีแดง Hotspur และการตกแต่งด้วยไม้วีเนียร์แบบ Piano Black
การตกแต่งภายในแบบสั่งทำพิเศษมาพร้อมกับโทนสีจากเบนท์ลีย์ มูลินเนอร์อันเป็นเอกลักษณ์บนแผงหน้าปัดและรอบห้องโดยสารที่เคลือบผิวแบบทูโทน และรายละเอียดที่สั่งทำพิเศษบริเวณคอนโซลกลางและกาบบันได
แผ่นไม้วีเนียร์แบบทูโทนแถบบนรังสรรค์จาก Granite Stone มอบผิวสัมผัสที่ไม่เหมือนใคร ในขณะที่แผ่นไม้วีเนียร์แถบล่างรังสรรค์เป็นเฉดสีดำ Grand Black พร้อมตัวอักษร “20 YEARS OF THE CONTINENTAL GT” สลักด้วยเลเซอร์ และแถบสีแดงคาดเป็นแนวนอนพาดผ่านคอนโซลกลางจากประตูหนึ่งสู่อีกประตูหนึ่งผ่านแถบบนของช่องแอร์เพื่อแยกพื้นผิวทั้งสองส่วนออกจากกัน
กาบบันไดออกแบบพิเศษฉลอง 20 ปีแห่งอัครยนตรกรรมสปอร์ตคูเป้ด้วยรูปล้ออัลลอยด์ของ Continental GT เจนเนอเรชั่นที่ 1 และ เจนเนอเรชั่นที่ 3 เช่นเดียวกับรูปสัดส่วนของตัวรถ Continental GT เจนเนอเรชั่นที่ 1 และ เจนเนอเรชั่นที่ 3 บริเวณคอนโซลกลาง และไฟต้อนรับแบบ LED ดีไซน์เฉพาะตัวเพื่อเฉลิมฉลองโอกาสพิเศษนี้
20 ปี Continental GT อัครยนตรกรรมสปอร์ตคูเป้แห่งยุค
Continental GT อัครยนตรกรรมสปอร์ตคูเป้ได้เปิดตัวในปี 2546 ในฐานะอัครยนตรกรรมโฉมใหม่ล่าสุดรุ่นแรกในยุคใหม่ของเบนท์ลีย์ ซึ่งเป็นอัครยนตรกรรมขับเคลื่อนสี่ล้อและเป็นรุ่นแรกที่มาพร้อมกับนวัตกรรมเครื่องยนต์รุ่น W12 อัครยนตรกรรมสปอร์ตคูเป้รุ่นนี้ได้ช่วยขับเคลื่อนเบนท์ลีย์ มอเตอร์สสู่แบรนด์ผู้ผลิตอัครยนตรกรรมที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของโลกในปัจจุบัน
ในช่วงเวลาของการเปิดตัวในปี 2546 Continental GT ได้นำเสนอการผสมผสานอันเป็นเอกลักษณ์ระหว่างการออกแบบที่น่าทึ่งเข้ากับสมรรถนะระดับซูเปอร์คาร์ และงานฝีมืออันประณีต โดยได้รับการยกย่องว่าเป็นรถยนต์สปอร์ตคูเป้แบบสี่ที่นั่งที่เร็วที่สุดในโลกด้วยความเร็วสูงสุดมากกว่า 190 ไมล์ต่อชั่วโมง (300 กม./ชม.) และทำเวลา 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงภายใน 4.7 วินาที (0-100 กม./ชม. ใน 4.8 วินาที) และด้วยความที่ไม่มีคู่แข่งในระดับเดียวกันเทียบได้ ณ ขณะนั้น ทำให้ Continental GT ได้กลายเป็นที่พูดถึงไปทั่วโลกอย่างรวดเร็วและได้เจาะกลุ่มตลาดใหม่
สำหรับในปัจจุบัน เจนเนอเรชั่นที่ 3 ของ Continental GT และ Continental GTC ยังคงคว้ารางวัลและคำชมเชยอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2565 Continental GT Speed คว้ารางวัลอันทรงเกียรติจาก Robb Report Car of the Year และ Continental GT V8 S ได้ประสบความสำเร็จในการคว้ารางวัล Car of the Year ประจำปี 2566 นอกจากนี้ Continental GT ยังคว้ารางวัลอย่างต่อเนื่องจากงาน Auto Motor und Sport ในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ในสาขารถยนต์นำเข้าระดับหรูเป็นปีที่สองติดต่อกันจากการสำรวจความคิดเห็นของผู้อ่านนิตยสาร Auto Motor und Sport มากกว่า 101,000 คน
สัมผัสประสบการณ์การขับขี่ Continental GT
เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส มอบโอกาสในการทดลองขับ Continental GT เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 20 ปี ณ สำนักงานใหญ่ เมืองครูว์ และอีกหนึ่งแห่งในนครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยมี Continental GT เจนเนอเรชั่นที่ 1 และ 2 จากเบนท์ลีย์ เฮอริเทจ คอลเลกชั่น พร้อมให้ทดลองขับร่วมกับ Continental GT โฉมใหม่ ซึ่งได้ทำให้การออกแบบและวิวัฒนาการทางด้านวิศวกรรมตลอดระยะเวลา 20 ปีมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง
ครบรอบแห่งสุดยอดการออกแบบและขุมพลัง
โอกาสครบรอบ 20 ปีของ Continental GT ยังถือเป็นการครบรอบ 20 ปีของเครื่องยนต์รุ่น W12 เทอร์โบคู่ขนาด 6.0 ลิตรอันทรงพลังของเบนท์ลีย์ ซึ่งขับเคลื่อนเบนท์ลีย์ให้เป็นแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จมาตลอด 2 ทศวรรษที่ผ่านมา และด้วยการประกาศสิ้นสุดการผลิตเครื่องยนต์รุ่น W12 ในเดือนเมษายน 2567 ทำให้เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เหลือเวลาสำหรับการผลิตเครื่องยนต์รุ่น W12 อีกเพียงแค่ 12 เดือนเท่านั้นก่อนที่จะเปิดทางให้กับอนาคตแห่งอัครยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้า
โดยโอกาสครั้งสำคัญนี้จะได้รับการเฉลิมฉลอง ณ งาน Goodwood Festival of Speed ในวันที่ 13-16 กรกฎาคมนี้ ซึ่งเบนท์ลีย์ มอเตอร์สจะร่วมจัดแสดงอัครยนตรกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์รุ่น W12 ตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา รวมถึง Bentley Batur รุ่นใหม่ที่รังสรรค์ขึ้นโดยเบนท์ลีย์ มูลินเนอร์
ตำนานแห่งอัครยนตรกรรมสปอร์ตคูเป้ ณ งาน Monterey Car Week
Continental GT คันแรกที่ออกจากสายการผลิต ณ เมืองครูว์ในปี 2546 หมายเลขตัวถัง VIN 20001 ได้รับการตกแต่งด้วยเฉดสีเขียว Cypress Green ภายในบุด้วยหนังเฉดสีน้ำตาลและไม้วีเนียร์แบบ Burr Walnut ซึ่งจากวันนั้นถึงวันนี้ Continental GT คันแรกยังคงถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีเพื่อให้หวนระลึกถึงก้าวสำคัญของเบนท์ลีย์ มอเตอร์สในอดีต
งาน Monterey Car Week ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 11-18 สิงหาคม 2566 เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส ได้เตรียมเผยโฉมอัครยนตรกรรมสปอร์ตคูเป้ Continental GT รุ่นสุดท้ายคันเดียวในโลก ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจาก Continental GT คันแรก VIN 20001 เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองโอกาสพิเศษนี้
สำหรับ BENTLEY CONTINENTAL GT V8 เอเอเอสฯ เปิดรับคำสั่งจอง พร้อมมอบข้อเสนอที่ดีที่สุดในการครอบครองด้วยราคาเริ่มต้นที่ 19.4 ล้านบาท พร้อมกับการรับประกันโดยโรงงานผู้ผลิต นาน 3 ปี ตัวเลือกสำหรับแผนต่อระยะเวลาการรับประกันจากโรงงานผู้ผลิต (Bentley Extended Warranty) สูงสุด 4 ปี และ ผู้ช่วยฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง นาน 3 ปีเต็ม
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย โทร. 080-925-9999 หรือ 02-261-1050 LINE Official Account: @bentleybangkokaas คลิก https://lin.ee/4JOaZyE8V
เกี่ยวกับ เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด
เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ให้ความสำคัญสูงสุดกับการดูแลหลังการขายให้กับลูกค้าเบนท์ลีย์ทุกท่านและรถยนต์เบนท์ลีย์ทุกคัน ด้วยทีมวิศวกรที่มีความชำนาญและประสบการณ์สูงนานกว่า 36 ปี โดย เอเอเอสฯ ได้จัดสรรงบประมาณจำนวนมากเพื่อจัดส่งวิศวกรไปฝึกอบรมที่โรงงานเบนท์ลีย์ มอเตอร์ส ประเทศอังกฤษ ทุกปี ทั้งนี้เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับเจ้าของรถยนต์เบนท์ลีย์ทุกท่านตามนโยบายหลักของบริษัทที่ว่า “เอเอเอสฯ ดูแลทั้งรถและคุณ (AAS Looking After YOU And Your CAR)” และให้ชื่อ AAS เป็น “The Name You Can Trust” มานานกว่า 36 ปี