(ครูว์ 16 พฤษภาคม 2567) เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เตรียมเปิดตัว New Continental GT เจเนอเรชันที่ 4 ในเดือนมิถุนายนนี้ สำหรับ New Continental GT โฉมใหม่ คือ เจ้าของขุมพลังเครื่องยนต์รุ่น V8 Hybrid รุ่นแรกของเบนท์ลีย์ที่ถือเป็นเครื่องยนต์แบบ Ultra Performance Hybrid รุ่นใหม่ล่าสุดของแบรนด์
New Continental GT ติดตั้งเครื่องยนต์รุ่น V8 แบบ Ultra Performance Hybrid ที่ผลิตพละกำลังกว่า 782 แรงม้า แรงบิด 1,000 นิวตันเมตร และมอเตอร์ไฟฟ้าที่จะมอบพิสัยการเดินทางกว่า 80 กิโลเมตรพร้อมอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ต่ำกว่า 50 กรัม ต่อ กิโลเมตร (มาตรฐาน WLTP) New Continental GT จึงถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับเบนท์ลีย์ที่ไม่เพียงแต่จะเป็นอัครยนตรกรรมบนท้องถนนที่ทรงสมรรถนะและมีประสิทธิภาพในการขับขี่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ 105 ปีของแบรนด์เท่านั้น แต่ยังเป็นอัครยนตรกรรมที่มีความยั่งยืนที่สุด ในขณะที่ยังคงรักษามาตรฐานด้านงานฝีมือที่หรูหราด้วยวัสดุที่ดีเยี่ยมในแบบฉบับของอัครยนตรกรรมเบนท์ลีย์ไว้เป็นอย่างดี
อัครยนตรกรรมสปอร์ตคูเป้โฉมใหม่มาพร้อมกับเทคโนโลยีแชสซีเจเนอเรชันล่าสุดและระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบแอคทีฟพร้อมด้วยระบบการกระจายแรงบิด ระบบบังคับเลี้ยวแบบ 4 ล้อ เฟืองท้ายแบบอิเล็กทรอนิกส์ ระบบควบคุมการโคลงตัวแบบแอคทีฟด้วยไฟฟ้าขนาด 48 โวลต์และแดมเปอร์วาล์วคู่ใหม่ ซึ่งการออกแบบใหม่และชุดเทคโนโลยีใหม่จะช่วยเติมเต็มให้กับอัครยนตรกรรมสปอร์ตคูเป้เจเนอเรชันล่าสุด พร้อมกำหนดนิยามใหม่ให้แก่เบนท์ลีย์
สำหรับรุ่น Continental GT เปิดตัวครั้งแรกในปี 2545 ซึ่งถือเป็นการกลับมาอีกครั้งของเบนท์ลีย์ โดยการกลับมาในครั้งนั้นได้พลิกโฉมธุรกิจ กระตุ้นยอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 10 เท่า และได้สร้างนิยามใหม่ให้กับเบนท์ลีย์จวบจนถึงปัจจุบัน สำหรับการออกแบบและสมรรถนะของรถได้รับแรงบันดาลใจจากรถยนต์เบนท์ลีย์รุ่นคลาสสิก R Type Continental ในปี 2495 ซึ่งเป็นรถยนต์แบบสี่ที่นั่งที่เร็วที่สุดในโลกในขณะนั้น และได้สร้างบรรทัดฐานใหม่ของรถยนต์แบบแกรนด์ทัวริ่งสุดหรูแห่งยุคสำหรับการเดินทางระยะไกลข้ามทวีปจนเป็นที่มาของชื่อ Continental GT ตัวถังรถได้ถูกออกแบบขึ้นด้วยการนำเอาเส้นสาย 3 เส้นหลักมารังสรรค์ อันได้แก่ เส้นสายแห่งพลัง เส้นสายที่เน้นสัดส่วนบั้นท้าย และเส้นสายที่โค้งรับตามแนวหลังคา
Continental GT ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 4 ปีด้วยตัวเลขยอดขายที่เพิ่มขึ้นจาก 1,000 คันเป็นมากกว่า 10,000 คัน สำหรับ Continental GT เจเนอเรชันที่ 2 ได้เปิดตัวในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสในปี 2553 โดยเริ่มมีคำสั่งจองตั้งแต่เดือนตุลาคมและเริ่มต้นส่งมอบในช่วงต้นปี 2554 Continental GT เจเนอเรชันที่ 2 มาพร้อมกับเครื่องยนต์รุ่น W12 และตามมาด้วยเครื่องยนต์รุ่น V8 ขนาด 4.0 ลิตรใหม่ที่เปิดตัวในปี 2555 และตามมาด้วยการเปิดตัว Continental GT เจเนอเรชันที่ 3 ในปี 2561 ที่มาพร้อมกับแพลตฟอร์มใหม่ เครื่องยนต์รุ่นใหม่ ระบบกันสะเทือนแบบใหม่ ระบบไฟฟ้ารุ่นใหม่ เทคโนโลยีใหม่ การออกแบบภายในและภายนอกใหม่ ซึ่งได้กำหนดมาตรฐานใหม่สำหรับอัครยนตรกรรมแกรนด์ทัวริ่งที่หรูหรารุ่นนี้
ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา Continental GT ได้ทำลายสถิติด้านความเร็วและได้ชนะการแข่งขันชิงแชมป์และการแข่งขันแบบเอนดูรานซ์ทั่วโลก ซึ่งรุ่น Continental GT เป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับ 2 ของเบนท์ลีย์รองจากรุ่น Bentayga และมียอดขายเป็นหนึ่งในสาม โดยในต้นปีหน้า Continental GT คันที่ 100,000 จะถูกรังสรรค์ขึ้น ณ โรงงานเบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เมืองครูว์ ประเทศอังกฤษ
สำหรับการเปิดราคาอย่างเป็นทางการและการเปิดรับคำสั่งจองโดยผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยจะประกาศให้ทราบอีกครั้งในช่วงไตรมาสที่ 3 ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โทร. 080-925-9999 หรือ 02-261-1050 LINE Official Account: @bentleybangkokaas คลิก https://lin.ee/4JOaZyE8V
เกี่ยวกับ เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด
เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ให้ความสำคัญสูงสุดกับการดูแลหลังการขายให้กับลูกค้าเบนท์ลีย์ทุกท่านและรถยนต์เบนท์ลีย์ทุกคันด้วยประสบการณ์อันยาวนานกว่า 37 ปี พร้อมด้วยอุปกรณ์และเครื่องมือตรวจสอบและวิเคราะห์สำหรับรถยนต์เบนท์ลีย์โดยเฉพาะนำเข้าจากโรงงาน การรับประกันอะไหล่แท้ และบุคลากรที่ผ่านการอบรมอย่างเข้มข้น โดยมี Qualified High Voltage Technician หนึ่งเดียวในประเทศไทยเป็นผู้รับรองงานซ่อมและงานบำรุงรักษารถยนต์ไฮบริดตามมาตรฐานโรงงาน ทั้งนี้เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับเจ้าของรถยนต์เบนท์ลีย์ทุกท่านตามนโยบายหลักของบริษัทที่ว่า “เอเอเอสฯ ดูแลทั้งรถและคุณ (AAS Looking After YOU And Your CAR)” และให้ชื่อ AAS เป็น “The Name You Can Trust”