(ครูว์ 2 พฤศจิกายน 2565) เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส ประกาศผลกำไรจากการดำเนินงานที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 แม้จะมีความท้าทายและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลกอย่างต่อเนื่อง โดย เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส ทำกำไรได้มากกว่า 2 เท่าด้วยผลกำไรกว่า 575 ล้านยูโร เพิ่มขึ้น 109% เมื่อเทียบกับช่วง 9 เดือนเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งผลกำไรตลอดทั้งปีของปีที่แล้วคิดเป็น 389 ล้านยูโร โดยอัตราการเติบโตร้อยละ 23.1 นี้ ถือว่าสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ 103 ปีของเบนท์ลีย์ มอเตอร์ส
สำหรับยอดขายในปัจจุบันเพิ่มขึ้น 3% คิดเป็น 11,316 คัน ขณะที่รายได้เพิ่มขึ้นจาก 1,949 พันล้านยูโรในปี 2564 เป็น 2,490 พันล้านยูโรในปีนี้ คิดเป็นอัตราการเติบโต ร้อยละ 28
ความสำเร็จนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากการเปิดตัวอัครยนตรกรรมรุ่นย่อยและตัวเลือกการปรับแต่งเฉพาะตัวที่มีให้เลือกสรรอย่างหลากหลายสำหรับ Bentley Mulliner ผู้ออกแบบตัวถังรถยนต์ที่เก่าแก่ที่สุดของโลก
โดยได้รวมถึง Continental GT Mulliner ที่ทรงพลังและหรูหราที่สุดเท่าที่เคยมีมา ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นปี พร้อมกับ Continental GT และ Flying Spur รุ่น S ใหม่ ที่เน้นประสิทธิภาพในการขับขี่และรูปลักษณ์ความสปอร์ต และ รุ่น Azure ที่เน้นความสะดวกสบายในการขับขี่และความผ่อนคลายภายในห้องโดยสาร
เบนท์ลีย์ได้ตอกย้ำความสำเร็จในการเปิดตัวอัครยนตรกรรมที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ได้อย่างสมบูรณ์แบบด้วยอัครยนตรกรรมแบบเอสยูวี Bentayga ที่มีสัดส่วนยอดขายสูงที่สุดถึง 41% ขณะที่ Flying Spur มีสัดส่วนอยู่ที่ 27% โดยเป็นผลมาจากการเปิดตัวของเครื่องยนต์แบบไฮบริดรุ่นใหม่ที่ล้ำหน้าที่สุดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งในส่วน Continental GT และ Continental GT Convertible มีสัดส่วนยอดขายอยู่ที่ 32%
ยอดขายของเบนท์ลีย์เพิ่มขึ้นกว่า 18% ในยุโรปในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 หรือคิดเป็น 2,133 คัน สำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกยังมีการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลักที่ร้อยละ 17 โดยในสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้น 25% คิดเป็น 1,126 คัน ในขณะที่อเมริกายังคงเป็นภูมิภาคที่มีความแข็งแกร่งที่สุดด้วยตัวเลขยอดขาย 3,154 คัน หรือ เพิ่มขึ้นกว่า 7%
รายงานตัวเลขล่าสุดเป็นผลมาจากกลยุทธ์ Beyond100 โดยเบนท์ลีย์พยายามที่จะคิดค้นแผนสำหรับอัครยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้าในอนาคตเพื่อการบรรลุสถานะความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2573 ซึ่งรวมถึงแผนการลงทุนระยะยาวกว่า 10 ปีที่มีมูลค่าการลงทุนกว่า 3 พันล้านยูโร ณ โรงงานในเมืองครูว์
Adrian Hallmark ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส กล่าวว่า “ในขณะที่เบนท์ลีย์ยังคงรับมือกับความท้าทายที่ต้องเผชิญในตลาดโลก ตัวเลขทางการเงินล่าสุดนี้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่แข็งแกร่งของเราในเกือบทุกภูมิภาค
“การเติบโตอย่างต่อเนื่องของรายได้ต่อคันเป็นผลมาจากตัวเลือกการออกแบบที่หลากหลายและรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่นที่รังสรรค์ขึ้นโดย Mulliner ผู้ผลิตตัวถังรถยนต์ของเบนท์ลีย์ และ การตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าที่มีต่ออัครยนตรกรรมรุ่นย่อยของเรา”
ผลประกอบการเงินไตรมาสที่ 3
ผลประกอบการ | ไตรมาสที่ 3 ปี 2565 | ไตรมาสที่ 3 ปี 2564 |
รายได้ | 2.490 พันล้านยูโร (+28%) | 1.949 billion พันล้านยูโร |
ผลกำไร | 575 ล้านยูโร (+109%) | 275 ล้านยูโร |
อัตราส่วนผลกำไร | 23.1% | 14.1% |
ยอดขายไตรมาสที่ 3
ภูมิภาค | ไตรมาสที่ 3 ปี 2565 | ไตรมาสที่ 3 ปี 2564 | ไตรมาสที่ 3 ปี 2565 (เปอร์เซ็นต์ของยอดขาย) |
อเมริกา | 3,154 (+7%) | 2,952 | 28% |
สาธารณรัฐประชาชนจีน ฮ่องกง และ มาเก๊า | 2,693 (-17%) | 3,247 | 24% |
ยุโรป | 2,133 (+18%) | 1,814 | 19% |
เอเชียแปซิฟิก | 1,531 (+17%) | 1,304 | 13% |
สหราชอาณาจักร | 1,126 (+25%) | 899 | 10% |
ตะวันออกกลาง, แอฟริกา และ อินเดีย | 679 (-5%) | 718 | 6% |
รวม | 11,316 (+3%) | 10,934 | 100% |
เกี่ยวกับ เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด
เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ให้ความสำคัญสูงสุดกับการดูแลหลังการขายให้กับลูกค้าเบนท์ลีย์ทุกท่านและรถยนต์เบนท์ลีย์ทุกคัน ด้วยทีมวิศวกรที่มีความชำนาญและประสบการณ์สูงนานกว่า 36 ปี โดย เอเอเอสฯ ได้จัดสรรงบประมาณจำนวนมากเพื่อจัดส่งวิศวกรไปฝึกอบรมที่โรงงานเบนท์ลีย์ มอเตอร์ส ประเทศอังกฤษ ทุกปี ทั้งนี้เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับเจ้าของรถยนต์เบนท์ลีย์ทุกท่านตามนโยบายหลักของบริษัทที่ว่า “เอเอเอสฯ ดูแลทั้งรถและคุณ (AAS Looking After YOU And Your CAR)” และให้ชื่อ AAS เป็น “The Name You Can Trust” มานานกว่า 36 ปี