Close

AAS Auto Service Co., Ltd.

Porsche | Bentley | Autoglym | Ulgo | Fenix

Search
Close this search box.

เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เปิดตัว New Flying Spur Speed ซูเปอร์คาร์ 4 ประตูรุ่นแรกที่ทรงสมรรถนะที่สุดของแบรนด์

(ครูว์ 10 กันยายน 2567) เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เปิดตัว New Flying Spur สุดยอดแกรนด์ทัวเรอร์ระดับซูเปอร์คาร์แบบสี่ประตูใหม่ ซึ่งเป็นเจเนอเรชันที่ 4 และถือเป็น 4-door Supercar รุ่นแรกหลังจากที่รุ่น Flying Spur ได้เคยสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอัครยนตรกรรมแบบ 4 ประตูสมรรถนะสูงมาเกือบสองทศวรรษ

สำหรับการเปิดรับคำสั่งจอง New Flying Spur Speed เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย มอบข้อเสนอที่ดีที่สุดสำหรับการสั่งจองรถยนต์เบนท์ลีย์รุ่น New Flying Spur Speed ราคาเริ่มต้นที่ 25.5 ล้านบาท พร้อมรับเอกสิทธิ์การบริการหลังการขายมาตรฐานโรงงานผู้ผลิตด้วยการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริดที่ ‘นานที่สุด’ ถึง 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) การรับประกันโดยโรงงานผู้ผลิตและบริการผู้ช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง (24-hour Bentley Roadside Assistance) นาน 3 ปีเต็ม พร้อมรับสิทธิ์การต่อการรับประกันโดยโรงงานผู้ผลิต (Bentley Extended Warranty) สูงสุด 4 ปี

Flying Spur ใหม่เปิดตัวในรุ่น Speed รุ่นย่อยที่เน้นสมรรถนะในการขับขี่จากขุมพลังแบบ Ultra Performance Hybrid ใหม่ที่จะมอบพละกำลังและประสิทธิภาพในการขับขี่ ตัวรถมอบความเงียบสงบในโหมด EV ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าได้ไกลกว่า 76 กิโลเมตร ซึ่งเหมาะสำหรับการขับขี่ในพื้นที่ปลอดมลพิษหรือการเดินทางในเมือง โดยตัวรถมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำกว่า Flying Spur Speed รุ่นก่อนถึง 90% เมื่อผู้ขับขี่ต้องการขับขี่ที่เร้าใจยิ่งขึ้น เครื่องยนต์รุ่น V8 แบบไฮบริดที่มอบพละกำลังรวมกว่า 782 แรงม้า มากกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 147 แรงม้ายังทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าเพื่อส่งมอบประสิทธิภาพในการขับขี่ที่ดีเยี่ยมด้วยอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร ต่อ ชั่วโมงในเวลาเพียง 3.5 วินาที

สำหรับการออกแบบ แม้ว่าการออกแบบภายนอกจะยังคงดีไซน์ที่คุ้นเคย แข็งแกร่ง และสง่างามแบบในรุ่น Flying Spur เจเนอเรชันที่ 3 ซึ่งเปิดตัวในปี 2562 ได้เป็นอย่างดี แต่เครื่องยนต์รุ่นใหม่หมดจดที่จับคู่กับระบบไฟฟ้าใหม่จะนำมาซึ่งชุดเทคโนโลยียานยนต์ที่ทันสมัยที่สุดที่จะขับเคลื่อนอัครยนตรกรรมรุ่นใหม่รุ่นนี้

Flying Spur Speed ใหม่ยังมาพร้อมกับการออกแบบภายในที่ได้รับการพัฒนาด้วยตัวเลือกการเย็บแบบใหม่ การขึ้นรูปเพชรแบบ 3 มิติบริเวณแผงประตูและเสา และคุณสมบัติแบบ Wellness เพิ่มเติม อาทิ ระบบกรองอากาศด้วยการสร้างไอออนในอากาศอัจฉริยะและตัวเลือกการปรับท่าทางอัตโนมัติบนเบาะโดยสารทั้ง 4 ที่นั่งที่จะมอบตัวเลือกที่หลากหลายยิ่งขึ้น


สมรรถนะที่สูงขึ้นกับอัตราการปล่อยมลพิษที่ต่ำลง
ขุมพลัง Ultra Performance Hybrid ของ Flying Spur Speed ผสานการทำงานของเครื่องยนต์รุ่น V8 ขนาด 4.0 ลิตร เทอร์โบคู่ 600 แรงม้าเข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้า 190 แรงม้าและระบบเกียร์คลัตช์คู่ 8 สปีดได้อย่างแนบเนียน โดยในโหมดสปอร์ตขุมพลังสมรรถนะสูงกำลังจะส่งมอบพละกำลังเต็มสูบที่ 782 แรงม้า แรงบิด 1,000 นิวตันเมตร โดยแรงบิดแบบฉับพลันของมอเตอร์ไฟฟ้าจะช่วยเสริมจังหวะการขับเคลื่อนแบบครอสเพลนอันเป็นเสน่ห์ของเครื่องยนต์รุ่น V8 เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่น Speed ก่อนหน้า Flying Spur Speed รุ่นใหม่ให้แรงบิดที่สูงขึ้นจากความเร็วเครื่องยนต์ที่ต่ำกว่า และตลอดช่วงรอบของเครื่องยนต์

Flying Spur Speed ใหม่มาพร้อมกับแรงบิด 1,000 นิวตันเมตร (738 ปอนด์-ฟุต) เพิ่มขึ้นมากกว่า 11% เมื่อเทียบกับ Flying Spur Speed เครื่องยนต์รุ่น W12 ที่มีแรงบิด 900 นิวตันเมตร พละกำลังยังเพิ่มขึ้น 19% จาก 659 แรงม้าเป็น 782 แรงม้า ทำให้ Flying Spur Speed ใหม่เป็นอัครยนตรกรรมแบบซีดานที่ทรงสมรรถนะที่สุดของเบนท์ลีย์

เครื่องยนต์รุ่น V8 ใหม่ พละกำลัง 600 แรงม้า แรงบิด 800 นิวตันเมตร ปราศจากระบบสุญญากาศแบบเดิม และแรงดันการฉีดเชื้อเพลิง 350 บาร์ (เพิ่มจาก 200 บาร์) ช่วยให้การเผาไหม้สะอาดขึ้นและปล่อยไอเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น มอเตอร์ไฟฟ้าที่ช่วยลดอาการหน่วงของเทอร์โบ พร้อมด้วยเทอร์โบชาร์จเจอร์สโครลเดี่ยวคู่จะช่วยลดความซับซ้อนและทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นเพื่อลดการปล่อยไอเสีย ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ปิดการทำงานของกระบอกสูบ เนื่องจากระบบจะสามารถปิดเครื่องยนต์ได้ทั้งหมดเมื่อมีการใช้มอเตอร์ไฟฟ้า

ในโหมดไฟฟ้า (EV) E-motor จะให้พละกำลัง 190 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตร ซึ่งเพียงพอสำหรับการขับขี่ในเมือง ในขณะที่แบตเตอรี่ขนาด 25.9 กิโลวัตต์ชั่วโมงสามารถเดินทางได้สูงสุด 76 กิโลเมตรด้วยการใช้พลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว ซึ่งเมื่อรวมระบบส่งกำลัง V8 และ E-motor จะทำให้ Flying Spur ใหม่สามารถเดินทางได้ไกลกว่า 829 กิโลเมตร โดยในโหมดไฟฟ้า (EV) แบบเต็มรูปแบบสามารถเดินทางด้วยความเร็วสูงสุด 140 กิโลเมตร ต่อ ชั่วโมงด้วยการใช้งานคันเร่ง 75% สำหรับแบตเตอรี่สามารถชาร์จจนเต็มได้ภายในเวลาเพียง 2¾ ชั่วโมงจากการพัฒนาของเครื่องชาร์จและความจุแบตเตอรี่ด้วยกำลังชาร์จสูงสุด 11 กิโลวัตต์

ระบบส่งกำลังสามารถจัดการการไหลเวียนของพลังงานโดยขึ้นอยู่กับโหมดที่เลือกดังนี้ โหมดพลังงานไฟฟ้า (EV), โหมดการเพิ่มพละกำลังไฟฟ้า, โหมดการเบรกแบบสร้างพลังงาน และโหมดการชาร์จที่เครื่องยนต์จะขับเคลื่อนล้อและชาร์จแบตเตอรี่ไปพร้อมกัน

ระบบช่วงล่าง Bentley Performance Active Chassis ถือเป็นคุณสมบัติมาตรฐานในรุ่น Flying Spur Speed ใหม่ พร้อมด้วยคุณสมบัติที่ล้ำสมัยอื่นๆ อันได้แก่ Bentley Dynamic Ride และ All-Wheel Steering พร้อมด้วยเฟืองท้ายแบบ Limited Slip Differential ที่ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ในขณะที่ซอฟต์แวร์ควบคุม ESC รุ่นใหม่ช่วยให้เข้าถึงรูปแบบการขับขี่ได้อย่างหลากหลาย และให้การยึดเกาะพื้นถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพในทุกสภาพถนน และด้วยการกระจายน้ำหนักที่เน้นไปทางด้านหลังที่ 48.3 : 51.7 ระบบช่วงล่างและ ESC จึงมีแพลตฟอร์มที่จะปรับให้เหมาะสมเพื่อให้เกิดความสมดุล ซึ่งระบบนี้ใช้การกระจายแรงบิดแบบแอคทีฟจากด้านหน้าไปด้านหลังผ่านเฟืองกลาง และการกระจายแรงบิดอย่างแม่นยำผ่านแต่ละเพลาโดยใช้เบรก

Flying Spur Speed ใหม่ยังมาพร้อมกับระบบกันสะเทือนแบบวาล์วคู่แบบใหม่ที่ล้ำสมัยช่วยให้ควบคุมการหน่วง การคืนตัว และการยุบตัวแยกจากกันได้ ทำให้ผู้ขับขี่สามารถแยกความรู้สึกในด้านไดนามิกระหว่างโหมด Comfort, Bentley และ Sport ได้อย่างชัดเจน การควบคุมตัวถังในโหมด Sport ในแบบรุ่นก่อนหน้ายังคงเช่นเดิม ในขณะที่ความสะดวกสบายในการขับขี่ในโหมด Comfort ได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นอย่างมาก


การออกแบบที่ชัดเจนและโดดเด่น
รูปลักษณ์ความสปอร์ตที่เน้นสมรรถนะของ Flying Spur Speed ใหม่ได้รับการพัฒนาด้วยการใช้สีโทนเข้มที่จะทำให้ดูสปอร์ตและร่วมสมัย พร้อมด้วยกระจังหน้า กันชนหน้า และดิฟฟิวเซอร์ด้านหลังแบบใหม่เฉพาะรุ่น Speed ที่จะสร้างรูปลักษณ์ใหม่ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น และชุดแต่ง Styling Specification แบบแอโรไดนามิกที่รังสรรค์ขึ้นในเฉดสีเดียวกับตัวถัง พร้อมกับตัวเลือกเฉดสีคาร์บอนไฟเบอร์

นวัตกรรมใหม่ยังถูกถ่ายทอดผ่านไฟต้อนรับแบบ LED รุ่นใหม่ที่ติดตั้งใต้ประตูห้องโดยสาร ซึ่งจะฉายโลโก้ Bentley Wings แบบเคลื่อนไหวลงบนพื้นทุกครั้งที่เปิดประตูหน้าด้วยการใช้เทคโนโลยี “Light Sculpture” ที่เคยมีการใช้งานเป็นครั้งแรกในอัครยนตรกรรมรุ่น Batur จาก Bentley Mulliner

ล้ออัลลอยด์ขนาด 22 นิ้วแบบ Ten Swept Spoke ใหม่ มีให้เลือกสรร 2 เฉดสีในเฉดสีเทา-เงิน และเฉดสีดำ พร้อมด้วยล้ออัลลอยด์ขนาด 22 นิ้วอีก 2 แบบที่มีให้เลือกในเฉดสีดำ สีเข้ม และเฉดสีบรอนซ์เงิน Pale Brodgar แบบเคลือบซาติน

ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวาง ผู้โดยสารสามารถเพลิดเพลินไปกับการออกแบบและงานฝีมืออันเลื่องชื่อของเบนท์ลีย์ด้วยการออกแบบเบาะโดยสารใหม่ทั้งหมดที่มีการเย็บลวยลายเพชรแบบ 3 มิติและรูปแบบรอยปรุที่ได้รับการออกแบบใหม่ในส่วนตรงกลางของเบาะโดยสาร พร้อมกับการตกแต่งด้วยหนังขึ้นรูปเพชรแบบ 3 มิติ Tactile Precision บริเวณด้านในของประตูห้องโดยสารและเสา B และเพื่อให้เข้ากับการตกแต่งภายนอกด้วยวัสดุสีบรอนซ์เข้ม ภายในห้องโดยสารยังมีการตกแต่งด้วยโครเมียมสีเข้ม ซึ่งให้ความสวยงาม ร่วมสมัย และยังเพิ่มความเรียบง่ายให้กับภายในห้องโดยสาร การตกแต่งด้วยโครเมียมสีเข้มยังนำมาใช้กับบริเวณมือจับประตู สวิตช์ ตะแกรงลำโพง และบริเวณอื่นๆ อีกรอบห้องโดยสาร พร้อมด้วยกราฟิกมาตรวัดสำหรับผู้ขับขี่ใหม่ที่ทำให้การออกแบบสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ในขณะที่ Bentley Rotating Display ที่มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลความละเอียดสูงขนาด 12.3 นิ้ว หน้าปัดอนาล็อก 3 หน้าปัด และแผงไม้วีเนียร์ยังคงเป็นตัวเลือกเพื่อเติมเต็มความสมบูรณ์แบบ

ผู้ครอบครองสามารถเลือกรูปแบบการออกแบบได้อย่างไร้ขีดจำกัด ซึ่งความต้องการของผู้ครอบครองในการรังสรรค์ Flying Spur ให้ไม่ซ้ำใคร ตรงตามรสนิยม และบุคลิกของตนเองจะเน้นย้ำถึงความสามารถในการส่งพลังแห่งความเป็นไปได้อย่างในสโลแกน ‘The Power of the Possible.

นอกเหนือจากตัวเลือกเฉดสีกว่า 101 เฉดสี ผู้ครอบครองยังสามารถเลือกเฉดสีเดิมของเบนท์ลีย์ และเฉดสีพิเศษเพื่อให้ตรงกับความต้องการ สำหรับภายในห้องโดยสารมีตัวเลือกสีหนังหลัก 22 สี สีรอง 11 สี และรูปแบบสีอีก 4 รูปแบบ ซึ่งหมายความว่าเฉพาะหนังสามารถจับคู่เฉดสีได้มากกว่า 700 รูปแบบ พร้อมตัวเลือกรูปแบบการเย็บตะเข็บแบบตัดกัน การเดินด้าย หรือคุณสมบัติพิเศษอื่นๆ การตกแต่งด้วยหนังยังมาพร้อมกับรูปแบบการตกแต่งพร้อมกับตัวเลือกวีเนียร์ 8 แบบ และการตกแต่งทางเทคนิคอีก 3 แบบ ซึ่งสามารถเลือกตกแต่งแบบเดี่ยวหรือแบบคู่ และยังสามารถเลือกรังสรรค์เฉดสีให้เข้ากับเฉดสีหนังภายในหรือภายนอกได้เช่นกัน

Flying Spur ใหม่มีระบบเสียงให้เลือก 3 ระบบอย่างระบบมาตรฐานมีลำโพง 10 ตัวและกำลังไฟ 650 วัตต์ ระบบเครื่องเสียงจาก Bang & Olufsen 1,500 วัตต์ ประกอบด้วย 16 ลำโพงพร้อมตะแกรงลำโพงเรืองแสงสำหรับลูกค้าที่ชื่นชอบไลฟ์สไตล์ และระบบเครื่องเสียงจาก Naim 2,200 วัตต์ 19 ลำโพง พร้อม Active Bass Transducers ที่ติดตั้งในเบาะโดยสารด้านหน้าและโหมดเสียง 8 โหมดสำหรับผู้ที่รักในเสียงเพลงอย่างแท้จริง นอกจากนี้ กระจกอะคูสติกแบบลามิเนตที่ติดตั้งบริเวณกระจกหน้ารถและกระจกข้างจะช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอกลง 9 เดซิเบลเมื่อเทียบกับกระจกแบบธรรมดา


ความสะดวกสบาย เวลเนส และความปลอดภัย
Flying Spur Speed เจเนอเรชันที่ 4 มาพร้อมกับระบบไฟฟ้ารุ่นล่าสุด ซึ่งจะช่วยยกระดับเทคโนโลยีอินโฟเทนเมนต์และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ได้เป็นอย่างดี ผลลัพธ์ที่ได้คือประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้นในแง่ของเวลเนส ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ระบบอินโฟเทนเมนต์ และการเชื่อมต่อภายในห้องโดยสาร

นับเป็นครั้งแรกสำหรับ Flying Spur ที่มาพร้อมกับตัวเลือกในการติดตั้ง Wellness Seating Specification สำหรับเบาะโดยสารทั้ง 4 ที่นั่ง ซึ่งตัวเลือกพิเศษนี้ประกอบไปด้วยระบบปรับอุณหภูมิและปรับท่าทางบนเบาะโดยสารแบบอัตโนมัติ โดยระบบจะตรวจวัดและรักษาอุณหภูมิของร่างกายให้เหมาะสมด้วยการปรับอุณหภูมิ ระบายอากาศแบบแบ่งโซน และปรับแรงกดบนกล้ามเนื้อของผู้โดยสารอย่างนุ่มนวลเพื่อลดความเมื่อยล้าขณะเดินทาง

จอแสดงผลสภาพแวดล้อมบริเวณแผงหน้าปัดของผู้ขับขี่รองรับและสามารถเปิดใช้งานการขับขี่ในโหมดกึ่งช่วยเหลือ โดยระบบจะแสดงให้ผู้ขับขี่เห็นว่าตัวรถตอบสนองต่อรถคันอื่นอย่างไร โดยการที่รถยนต์สามารถวิเคราะห์สภาพแวดล้อมโดยรอบทำให้ผู้ขับขี่สามารถใช้ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ ซึ่งเป็นระบบจอดรถยนต์แบบอัตโนมัติรุ่นล่าสุด พร้อมระบบควบคุมความเร็วได้

Flying Spur Speed ใหม่ยังมาพร้อมกับการยกระดับเวลเนสและความสะดวกสบายของผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้วยระบบปรับอากาศที่มาพร้อมกับเครื่องฟอกอากาศไอออนไนเซอร์ ตัวกรองอนุภาคใหม่ และหน้าจอแสดงผลคุณภาพอากาศภายนอกและภายในห้องโดยสาร ซึ่งระบบเหล่านี้ยังช่วยปรับให้ระบบทำงานประสานกับระบบนำทางด้วยดาวเทียมของรถ ทำให้ทราบว่าในทันทีว่าเมื่อใดจึงจำเป็นต้องปรับคุณภาพอากาศภายในห้องโดยสาร (เช่น การหมุนเวียนอากาศภายในห้องโดยสารเมื่ออยู่ในอุโมงค์)


ผู้สนใจครอบครองรถยนต์เบนท์ลีย์สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด โทร. 080-925-9999 หรือ 02-261-1050 LINE Official Account: @bentleybangkokaas คลิก https://lin.ee/4JOaZyE8V


เกี่ยวกับ เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด
เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ให้ความสำคัญสูงสุดกับการดูแลหลังการขายให้กับลูกค้าเบนท์ลีย์ทุกท่านและรถยนต์เบนท์ลีย์ทุกคันด้วยประสบการณ์อันยาวนานกว่า 37 ปี พร้อมด้วยอุปกรณ์และเครื่องมือตรวจสอบและวิเคราะห์สำหรับรถยนต์เบนท์ลีย์โดยเฉพาะนำเข้าจากโรงงาน การรับประกันอะไหล่แท้ และบุคลากรที่ผ่านการอบรมอย่างเข้มข้น โดยมี Qualified High Voltage Technician หนึ่งเดียวในประเทศไทยเป็นผู้รับรองงานซ่อมและงานบำรุงรักษารถยนต์ไฮบริดตามมาตรฐานโรงงาน ทั้งนี้เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับเจ้าของรถยนต์เบนท์ลีย์ทุกท่านตามนโยบายหลักของบริษัทที่ว่า “เอเอเอสฯ ดูแลทั้งรถและคุณ (AAS Looking After YOU And Your CAR)” และให้ชื่อ AAS เป็น “The Name You Can Trust”

Picture of AAS Bentley Marketing

AAS Bentley Marketing

Sent Successfully!

Thank you.

We will contact you shortly!